Naresuan University Library
ประวัติและพัฒนาการ
* ในปี พ.ศ. 2510 วิทยาลัยวิชาการศึกษา ได้ขยายสาขาสู่ภาคเหนือ คือ “วิทยาลัยวิชาการศึกษาพิษณุโลก” ตั้งอยู่ที่ถนนสนามบิน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เริ่มเปิดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2510 ซึ่งนิสิตรุ่นแรกในขณะนั้นยังฝากเรียนที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาปทุมวัน และวิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสน
* ในปีการศึกษา 2511 นิสิตรุ่นแรกจึงได้ย้ายมาเรียนที่จังหวัดพิษณุโลก ห้องสมุดซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมสรรพวิทยาการต่าง ๆ เพื่อให้บริการทางวิชาการและความบันเทิงแก่นิสิตและอาจารย์ก็เริ่มต้นพร้อมกันไปด้วยโดยใช้ห้อง study ของหอพักอุมาพรจัดเป็นห้องสมุด แต่เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มเปิดดำเนินการ ห้องสมุดยังมีลักษณะที่ไม่เหมาะสมที่จะเรียกว่า ห้องสมุด หรือใช้คำว่า library ได้ จึงใช้คำว่า “ห้องอ่านหนังสือ” หรือ “reading room” โดยเปิดบริการตั้งแต่เวลา 7:30 น. –18:00 น. หนังสือส่วนมากได้มาจากการบริจาคของหน่วยราชการ และได้รับความกรุณาจากอาจารย์หลายท่านให้ยืมหนังสือส่วนตัวมาใช้ศึกษาค้นคว้า
* วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2511 อาคารคณะมนุษยธรรมศึกษาและสังคมศึกษา (ตึก H) ได้สร้างเสร็จเรียบร้อย ห้องอ่านหนังสือจึงได้ย้ายจากหอพักอุมาพรไปอยู่ที่ตึก H ห้อง H 27 และเปิดบริการเวลา 7:30 น. –20:00 น. ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ วันเสาร์ปิดบริการเวลา 17:00 น. ปิดบริการวันอาทิตย์
* วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2512 อาคารหอสมุดสร้างเสร็จ จึงย้ายห้องอ่านหนังสือจากตึก H มายังอาคารใหม่ แต่เนื่องจากยังมีหนังสือน้อยและผู้ใช้บริการไม่มากนัก จึงเปิดใช้บริการเพียงห้องเดียว
* 2513 ปีการศึกษา 2513 ได้ขยายห้องอ่านหนังสือออกไปโดยแยกสิ่งพิมพ์ประเภทวารสารและหนังสือพิมพ์ไว้ห้องหนึ่ง หนังสืออ่านทั่วไปภาษาอังกฤษ และภาษาไทย จัดแยกไว้ต่างหากอย่างละห้อง
* 2514 ในปีการศึกษา 2514 ขยายห้องอ่านหนังสือออกไปอีก 1 ห้อง เป็นห้องปฏิบัติการหลักสูตร (Curriculum Laboratory) ซึ่งรวบรวมแบบเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ตลอดจนคู่มือครูที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนิสิตที่ต้องออกฝึกสอน ต่อมาในปีการศึกษา 2515 ได้ขยายบริการการอ่านที่แยกออกจากห้องหนังสือทั่วไป คือ ห้องหนังสืออ้างอิง (Reference Book)
* ปีการศึกษา 2515 ได้ขยายบริการการอ่านที่แยกออกจากห้องหนังสือทั่วไป คือ ห้องหนังสืออ้างอิง (Reference Book)
* ในปี พ.ศ. 2517 วิทยาลัยวิชาการศึกษาพิษณุโลก ได้รับการยกฐานะเป็น “มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก” ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 91 ตอนที่ 112 วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2517 ห้องสมุดวิทยาลัยวิชาการศึกษาพิษณุโลก ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก” และขึ้นตรงกับฝ่ายธุรการของมหาวิทยาลัย
* ในปี พ.ศ. 2523 ได้มีการแบ่งส่วนราชการภายในสำนักหอสมุดกลางใหม่ โดยให้สำนักหอสมุดกลางมีฐานะที่เทียบเท่าคณะ มีหน้าที่ให้การสนับสนุนการเรียนการสอน การค้นคว้าวิจัยของอาจารย์และนิสิต ตลอดจนการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและให้บริการแก่ชุมชน
* ในปี พ.ศ. 2526 สำนักหอสมุดกลางได้รับงบประมาณต่อเติมอาคารใหม่ จำนวน 1,840,000 บาท มหาวิทยาลัยอนุมัติเงินสมทบอีก 560,000 บาท รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งหมด 2,400,000 บาท
* สำนักหอสมุดกลางได้ดำเนินงานมาจนถึงปี พ.ศ. 2533 “มหาวิทยาลัยนเรศวร” ได้รับการก่อตั้งสืบต่อจาก “มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก” สำนักหอสมุดกลาง ถูกปรับเปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยนเรศวร” นับจากนั้นเป็นต้นมา และมีภารกิจหลัก คือ การเป็นหน่วยงานบริการวิชาการที่สนับสนุนพันธกิจของมหาวิทยาลัยทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการผลิตบัณฑิต ด้านการวิจัย ด้านการบริการวิชาการ และด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
* มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในส่วนภาคเหนือตอนล่างโดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 และประกาศใช้เป็นกฎหมายในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยนเรศวรนับจากนั้น ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยนเรศวรเปิดหลักสูตรการศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก และหลักสูตรนานาชาติ จำแนกเป็น 3 กลุ่มวิชา ได้แก่ กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ รวมทั้งสิ้น 16 คณะ และอีก 5 วิทยาลัย ได้แก่ วิทยาลัยพลังงานทดแทน วิทยาลัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยเพื่อการค้นคว้าระดับรากฐาน วิทยาลัยนานาชาติ และวิทยาลัยประชาคมอาเซียนศึกษา นอกจากคณะและวิทยาลัยต่าง ๆ ดังกล่าว ยังมีหน่วยงานสนับสนุนระดับกองภายใต้กำกับสำนักงานอธิการบดี รวมทั้งสิ้น 29 หน่วยงาน และหน่วยงานระดับสำนักเทียบเท่าคณะ จำนวน 2 หน่วยงาน คือ บัณฑิตวิทยาลัย และสำนักหอสมุด
* ในปี พ.ศ. 2539 สำนักหอสมุดนำระบบห้องสมุดอัตโนมัติ INNOPAC เข้ามาใช้ในการดำเนินงาน
* ในปี พ.ศ. 2548 สำนักหอสมุดได้รับจัดสรรงบประมาณก่อสร้างอาคารแสงเทียนสำนักหอสมุด ขนาด 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 6,062.23 ตาราง
* ในปี พ.ศ. 2548 สำนักหอสมุดได้ปรับเปลี่ยนระบบห้องสมุดอัตโนมัติ INNOPAC เป็นรุ่น Millennium
* 2550 สำนักหอสมุดได้เปิดทำการอาคารสำนักหอสมุดหลังใหม่ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2550
* ในปี พ.ศ. 2551 สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยนเรศวร ดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารงานเพื่อความเหมาะสม แบ่งโครงสร้างออกเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ สำนักงานเลขานุการ ฝ่ายบริการสารสนเทศ และฝ่ายพัฒนาและวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ ซึ่งมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ครั้งที่ 137 (4/2551) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2551 เห็นชอบให้มีการปรับโครงสร้างการบริหารงานดังกล่าว โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนพิเศษ 138 ง หน้า 41 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพ ข่ายงานห้องสมุดมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค (PULINET) ที่กำหนดองค์ประกอบหลักของการดำเนินงานห้องสมุดจำแนกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริการห้องสมุด ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านเครือข่ายความร่วมมือในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ด้านการบริหารจัดการ ด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม และด้านการบริการวิชาการแก่สังคม ซึ่งมีหน้าที่ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการทุกประเภท ได้แก่ อาจารย์ นิสิต บุคลากรของมหาวิทยาลัย และบุคคลภายนอก
* ในปี พ.ศ. 2553 สำนักหอสมุดได้ปรับเปลี่ยนระบบห้องสมุดอัตโนมัติ INNOPAC เป็นรุ่น Millennium Version 2007โดยมีจำนวน License ทั้งหมดรวม 51 Licenses เพื่อรองรับต่อการบริการให้มากขึ้นและครอบคลุมการจัดการทรัพยากรสารสนเทศของห้องอ่านหนังสือคณะ ภายใต้เครือข่าย NULiNet (Naresuan University Library Network)และจากนโยบายของผู้บริหารสำนักหอสมุดที่มุ่งเน้นให้มีการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อความมีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ดังนั้น ในทุกภารกิจของฝ่าย/งาน จึงเร่งพัฒนากลายเป็นวัฒนธรรมในการทำงานที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการที่มาจากความร่วมมืออันดีระหว่างผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ใช้บริการ
* ปี พ.ศ. 2556-2557 มหาวิทยาลัยเห็นความจำเป็นในการขยายพื้นที่ของสำนักหอสมุดให้เหมาะสมกับการให้บริการจึงจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการออกแบบอาคารสำนักหอสมุด (เพิ่มเติม) และแต่งตั้งคณะทำงานออกแบบกลุ่มอาคารสำนักหอสมุดที่เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย โดยดำเนินการออกแบบอาคารขนาด 6 ชั้น พื้นที่ 9,788 ตารางเมตร
* ในปี พ.ศ. 2558 สำนักหอสมุดได้รับการจัดสรรงบประมาณ และดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักหอสมุด ส่วนต่อขยายเพิ่มเติม เริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน 2558 เป็นต้นมา และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2560 ทั้งนี้อาคารหลังใหม่นี้เป็นการดำเนินการตามการร้องขอพื้นที่นั่งอ่านของนิสิตผ่านช่องทางต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งอาคารหลังนี้มุ่งเน้นพื้นที่ให้บริการพื้นที่นั่งอ่าน และลักษณะอาคารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบประหยัดพลังงาน และบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
* 2560 เปิดใช้อาคารหลังใหม่ ในวันที่ 17 กรกฏาคม พ.ศ.2560 เวลา 9:00 น. และได้นำเอาเครื่องรับคืนและคัดแยกหนังสือมาให้บริการ